• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

คนที่ประสบความสำเร็จ เป็นเจ้าคนนายคนชอบคิดอย่างงี้

Started by kaidee20, April 05, 2023, 10:24:06 PM

Previous topic - Next topic

kaidee20

ในขณะที่ยังเป็นเด็กนักเรียน ผู้คนจำนวนมากต่างเชื่อเสมอว่าถ้าหากได้ตั้งอกตั้งใจเรียน สอบติดแผนกที่ใช่

ยิ่งมีโอกาสได้งานที่ดี ค่าจ้างรายเดือนที่ดี และยิ่งเป็นอาชีพที่คนใดกันก็รู้จักเช่น เจ้าหน้าที่รัฐ, วิศวกร


นักธุรกิจยิ่งน่าภูมิใจไปใหญ่ เพราะนอกจากค่าตอบแทนรายเดือนที่ได้ ส ม น้ำ ส ม เ นื้ อ มีมากไม่น้อยเลยทีเดียวพอที่จะเผื่อแผ่


ครอบครัวได้ มีผลประโยชน์รองรับให้สุขยังเป็นอาชีพที่นับว่า "มีหน้ามีตา" คนใดก็ต้อนรับกันหมด

แม้กระนั้นในโลกของความจริงแล้ว อาชีพที่ "มีหน้ามีตา" ในสังคม ไม่ได้เหมาะสมกับทุกคนเสมอไป

และก็ในแต่ละอาชีพ เขาก็มีการกำหนดอัตรารับสมัครแต่ละปีที่ค่อนข้างจะจำกัดน่ะสิ !

"แล้วจะเรียนไปเพราะเหตุใด ถ้าเกิดท้ายที่สุดก็ได้งานที่ไม่ตรงสาย/ งานที่น้อยคนจะรู้จัก/ ค่าตอบแทนรายเดือนที่ไม่ได้จำนวนมากอะไร ?"

ปัญหานี้จะได้คำตอบที่ เ ค รี ย ด มากเลย เพราะเหตุว่ามันเต็มไปด้วยความมุ่งหวังที่มีความคิดว่า

"เรามีทางเลือกอยู่ไม่กี่อย่างในชีวิต" แม้กระนั้นถ้าเกิดลองเปลี่ยนเป็นความนึกคิด "ฉันปฏิบัติงานอะไรก็ได้


ไม่ว่าจะตรงสายหรือไม่ก็ตาม" มันบางทีอาจมองประโยคขี้แพ้ในสายตาบางคน


แต่หากคิดๆดูแล้ว มันรู้เรื่องพอใจ เยอะแยะกว่าการตั้งข้อซักถามแบบแรกเพราะว่าความเป็นจริงของชีวิตคือ

1. มนุษย์ทุกคนมีความรู้ความเข้าใจในตัวเอง "ต่างกัน" กันไปเราไม่จำเป็นที่จะต้องเก่งเหมือนกันหมด

2. ในรั้วโรงเรียน- ม ห า วิ ท ย า ลั ยถึงแม้ว่าจะเราได้เรียนกับอาจารย์ที่เก่งแค่ไหน

ขอบเขตความรู้มันก็เป็นเพียงความรู้ในรั้วเพียงแค่นั้นโลกของวัยผู้ใหญ่ที่โตขึ้น เรายังจะต้องรู้เรื่องอีกมาก

ศึกษากันอีก ย า ว ลองผิดลองถูกกันอีกมากด้วยเหตุดังกล่าว จะมา ฟั น ธ ง ว่าเรียนมาสายวิทย์

ต้องปฏิบัติงานสายวิทย์ เรียนสายภาษาจำเป็นต้องทำงานสายภาษา มันก็ผิดเสมอไป

3. มันเป็นเรื่องธรรมดาที่มนุษย์เราจำเป็นจะต้องวิ่งตามหาสิ่งที่ "ใช่"

เบาๆทำความเข้าใจ เบาๆปรับนิสัยไป สิ่งที่เรากำลังสนุกสนานในขณะนี้ อาจจะยังไม่ใช่ที่สุด

สิ่งที่เราเก่งขณะนี้ ในภายภาคหน้า มันอาจเป็นเพียงแต่ความทรงจำ

เพราะเหตุว่าอาจมีหลายเหตุให้คิดมากขึ้น ตัวอย่างเช่น จำต้องพับแผนการเรียนต่อเอาไว้

เนื่องจากว่าเงินไม่เพียงพอจำเป็นจะต้องดำเนินงานหารายได้ก่อน และหลังจากนั้นก็ค่อยไปเรียนศิลป์ที่พวกเราถูกใจ ...

พวกเราจะต้องมองจังหวะของชีวิตด้วย (เหตุจำเป็นของชีวิตแต่ละช่วง


4. สิ่งที่พวกเราเรียนมาเป็นสิบเป็นร้อยกว่าวิชา มันเป็น "การหลอมหลอม" หลายวิชาไม่ได้

สอนพวกเราทางตรง แต่ว่าให้พวกเราค่อยๆดูดซับจุดเด่นแต่ว่าอย่างไปเอง ได้แก่ ฝึกความอดทน, ฝึกฝนความละเอียดอ่อน,

ฝึกหัดความสามารถการเข้าสังคมในคราวหนึ่งที่เราไม่เห็นผลดีว่าจะใช้อะไรได้จริง พอโตขึ้นอีกหน่อย

มันก็ควรจะมีบ้างแหละที่เรานึกอะไรขึ้นมาจนจำต้องไปหา อ่ า น ปัดฝุ่นตำราเรียนอีกรอบ

ทุกความรู้ที่เราได้รับ ไม่เคยสูญเปล่า เพียงแค่พวกเราไม่เห็นค่ามันเอง ลองนึกภาพให้ดีสิ !

5. มนุษย์เราควรจะมีโอกาสให้กับชีวิตไว้หลายด้าน หรือ "มีแผนสำหรับการสำรอง"

เพื่อไม่เป็นการปิ ด กั้ นตัวเองกระทั่งเกินความจำเป็น ดังเช่นว่า ถ้าวุฒิที่พวกเราเรียนมามันหางาน ย า ก จะยอมรึเปล่าที่เอาวุฒิน้อยกว่านี้หางานไปก่อน?

ถ้าหากพวกเราไม่ได้อาชีพนี้ เรายอมได้รึเปล่าที่จะทำอาชีพอื่นไปพลางๆก่อน?

ความฝันสิ่งที่ใช่ มันไม่สมควรเป็นสิ่งที่ได้ดุจดวงใจในทันทีมันคือเรื่องปกติมากๆที่ต้องแลกกับความอ่อนล้า

ความ พ ย า ย า ม หลายเท่าตัว ก็เลยไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรถ้าหากจะพบว่าเพราะเหตุไร ห ม อ

บางบุคคลถึงแต่งเพลงได้?

ทำไมบางบุคคลเรียนวิชาชีพแม้กระนั้นมาเป็นนักแสดง?

เพราะเหตุไรบางคนเรียนไม่จบแต่บรรลุเป้าหมาย?

หากยังไม่เข้าในข้อนี้ ทดลองย้อนกลับไป อ่ า น ข้อ 4 อีกครั้งขึ้นชื่อว่า "วิชาความรู้" เราได้รับมา

ถึงจะไม่ใช้ในทันทีก็ไม่ควรเสียดาย ขึ้นชื่อว่า "ความฝัน" ถึงจะยังไม่ใช่ในวันนี้

ใช่ว่าวันหน้าจะเป็นไปไม่ได้ มันอยู่ที่ตัวเราล้วนๆว่า... "รู้ตัวดีไหมว่าทำอะไรอยู่?" และ

"พร้อมจะยืดหยุ่นกับทุกสถานการณ์ชีวิตรึเปล่า?"

อย่ าลืมว่า...โลกเรากลม รวมทั้งมีหลายมิติ ใช่ว่าจะต้องมองเพียงแค่ด้านเดียว
ข้อคิดชีวิต
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13507/